กรอไปอ่าน
ถ้าพูดถึง Smart Band สุดคุ้มก็คงหนีไม่พ้นยี่ห้อนี้ Xiaomi Mi Band ซึ่งทำออกมาแล้วหลายรุ่น ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา รวมไปถึงฟีเจอร์และดีไซน์ที่เรียบง่ายในรูปแบบสายคาดสีดำเรียบ ๆ ที่ไม่ว่าจะใส่กับเสื้อผ้าแนวไหนก็ลงตัวด้วยความธรรมดาแบบนี้แหละ ในบทความนี้ ninnygadget จะพาไปรู้จัก Mi Band รุ่นใหม่จาก Xiaomi นั่นก็คือ Xiaomi Mi Band 5
ในยุคนี้การดูแลตัวเองสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การกินอาหาร การเดิน การทำงาน หรือแม้กระทั้งการนอน ยิ่งในแต่ละวันต้องเจอกับเหตุการณ์หลายอย่างหลายรูปแบบ ที่บางทีอาจทำให้เราเครียดโดยไม่รู้ตัว คงจะดีไม่น้อยถ้ามีใครซักคนคอยมาบอกเราเสมอ ๆ คอยดูแลเราตั้งแต่ตอนตื่น ไปจนถึงตอนนอน …ถ้ายังหาไม่ได้ ไม่เป็นไรนะ ให้เทคโนโลยีดูแลเราไปก่อน ซึ่งไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ที่ข้อมือเรานี่แหละ พร้อมแล้วไปพบกับ Xiaomi Mi Band 5
การเชื่อมต่อ Mi Band 5 ไม่ยาก
ก่อนอื่นโหลดแอป Mi Fit มาในเครื่องก่อน มีทั้งใน App Store และ Play Store
จากนั้นเข้าแอป Mi Fit แล้ว Login ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วไปที่ Profile > Add device หรือกดเครื่องหมาย + ในหน้าแรก และทำตามขั้นตอนที่แสดงมาในหน้าจอ แปปเดียวก็เสร็จ ถ้าเคยใช้ Mi Band รุ่นอื่นมาก่อน ระบบจะ Sync การตั้งค่ามาให้อัตโนมัติ
การแจ้งเตือนใน Mi Band กำหนดได้ว่าจะให้แจ้งเตือนของแอปไหน จะได้ไม่เปลืองแบตโดยไม่จำเป็น (อย่าลืมไปตั้งค่าใน App alerts) โทรเข้าก็รู้ แต่รับสายไม่ได้นะ เพราะไม่มีไมโครโฟนในตัว
สิ่งที่อยากได้มานานก็คือการใช้ Mi Band กดชัตเตอร์กล้องได้แล้ว สำหรับใครที่ไปไหนมาไหนคนเดียว อยากถ่ายรูปก็แค่ตั้งขาตั้งกล้องไว้แล้วกดชัตเตอร์ผ่าน Mi Band แทน
หน้าจอ Watch Face ใหม่สามารถปรับแต่ง (Customize) ได้ตามที่ใจต้องการเลย ชอบแบบไหนปรับแต่งเป็นแบบนั้น
และมีหน้าจอ Watch Face ให้ดาวน์โหลดอีกเพียบ
Mi Band 5 ต่างจาก Mi Band 4 ยังไง?
หากใครที่ใช้ Mi Band 4 อยู่แล้วกำลังสงสัยว่าจะซื้อ Mi Band 5 ดีมั้ย เราเลยทำตารางเปรียบเทียบมาให้ดูคร่าว ๆ ว่าต่างกันแค่ไหน
Mi Band 4 | Mi Band 5 |
หน้าจอ 0.95″ ความละเอียด 120×240 px ความกว้างสี 24bit | หน้าจอ 1.1″ ความละเอียด 126×294 px ความกว้างสี 16bit |
เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ PPG | เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ PPG ที่แม่นยำขึ้น |
เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว 6 แกน | เซนเซอร์จับการเคลื่อนไหว 6 แกน ที่แม่นยำขึ้น |
โหมดกีฬา 6 ชนิด | โหมดกีฬา 11 ชนิด |
จับการนอนหลับ | จับการนอนหลับตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการงีบ |
– | เตือนให้ลุกขึ้น ถ้านั่งนานเกินไป |
– | โหมดกำหนดลมหายใจ เพื่อคลายเครียด |
– | นับรอบเดือนสำหรับคุณผู้หญิง |
– | ปุ่ม Remote Shutter |
– | วัดความเครียด |
ชาร์จแต่ละครั้ง ต้องถอดสาย | ที่ชาร์จแม่เหล็ก ไม่ต้องถอดสาย |
ขนาดแบตเตอรี่ 135mAh | ขนาดแบตเตอรี่ 125mAh |
24 ชั่วโมง กับ Mi Band 5
ฟีเจอร์ที่ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการนับก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดความเครียด และการคอยเตือนให้เราขยับร่างการจากการนั่งนาน ๆ และตกดึกก็ยังเป็นผู้ช่วยเราในเรื่องการออกกำลังกาย ไปจนถึงการนอนหลับ
เรียกว่าดูแลกันตั้งแต่ตื่นนอน ไปตลอดทั้งวี่ทั้งวัน
วัดความเครียดพร้อมแนะนำการกำหนดลมหายใจ
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่มีใน Mi Band 5 ก็คือความสามารถในการวัดความเครียด (Stress Level) และแนะนำการกำหนดลมหายใจ (Breathing) เพื่อลดความเครียด
กลับมาคราวนี้ตัวช่วยวัดหัวใจแบบ PPG ยังแม่นยำขึ้นอีกด้วย
ตัวช่วยนับรอบเดือนสำหรับผู้หญิง
อันนี้ถ้าผู้ใช้เป็นผู้หญิง Mi Band จะเปิดโหมดช่วยนับรอบเดือนมาให้ตั้งแต่ต้น เพิ่มความสะดวกสบายให้จะได้ไม่ลืมวันสำคัญ
แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่าครึ่งเดือน
ถึงแม้ว่าขนาดของแบตเตอรี่จะไม่เยอะ แต่สามารถอยู่ได้ประมาณ 14-20 วัน ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ไม่ต้องกังวลว่าจะหมดระหว่างวันหรือไม่ เพราะชาร์จไม่ถึงชั่วโมงก็เต็มแล้ว
สายชาร์จได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ชาร์จง่ายขึ้น จะสังเกตว่าในรุ่นที่แล้ว ถ้าจะชาร์จแต่ละครั้ง ต้องถอดสายออกก่อนเสมอ สร้างความลำบากให้ไม่น้อย ทำให้สายหลวมบ้าง หรือหายบ้าง จากนี้ไปเราไม่ต้องแกะสายแล้ว เพราะว่าสายชาร์จใหม่ของ Mi Band 5 เป็นสายชาร์จแบบแม่เหล็ก แค่แตะมันก็ดูดจุ๊บให้เลย
Mi Band 5 รองรับภาษาไทยนะ แต่…
เรื่องภาษาไทยหลายคนคงรู้แล้วว่าใน Mi Band 4 ถ้าอยากได้ภาษาไทย อาจจะต้องรออัปเดตหรือลง Firmware ใหม่ แต่ใน Mi Band 5 นั้นมีภาษาไทยให้ตั้งแต่แกะกล่องเลย …แต่ว่า ถ้าเป็นข้อความที่ยาวมาก ๆ จะแสดงผลเพี้ยนไปนิดนึง แค่บางตัวอักษร โดยรวมยังพอจับใจความได้อยู่
ไม่มี SpO2 วัดความเข้มข้นของออกซิเจน
สิ่งที่รู้สึกผิดหวังนิด ๆ ในรุ่นนี้คือไม่มี SpO2 สำหรับวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสเลือด ทำให้มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าไม่มากนัก อาจจะทำให้ผู้ที่ใช้งานรุ่นก่อนหน้า คิดหนักอยู่เหมือนกันว่าจะเปลี่ยนมาซื้อรุ่นนี้ดีรึป่าว ในขณะที่แบรนด์อื่นเริ่มมี SpO2 มาให้แล้ว
ถ้ามีจะทำให้ฟีเจอร์จับการนอนหลับทำได้ดีกว่านี้อีกเยอะ
แชร์ข้อมูลกับแอปสุขภาพประจำเครื่องได้
ไม่จำเป็นจะต้องใช้เฉพาะแอป Mi Fit เพื่อจะดูข้อมูลเท่านั้น มันยังสามารถแชร์ข้อมูลให้แอปสุขภาพประจำเครื่องอย่างแอป Health ใน iOS หรือ Google Fit ใน Android ทำให้ง่ายต่อการจัดการข้อมูล และมีข้อมูลสุขภาพเยอะมากขึ้น แม่นยำมากขึ้น
-
การออกแบบ80/100 Very good
-
การใช้งาน70/100 Good
-
ความคุ้มค่า100/100 The best
-
คุณภาพ90/100 Amazing
The Good
- จับการเต้นของหัวใจแม่นยำขึ้น
- วัดความเครียดได้
- ฟีเจอร์ที่ให้มาเพียงพอต่อการใช้งานตลอดทั้งวัน
The Bad
- ไม่ต่างจากรุ่น Mi Band 4 เท่าไหร่
- ความกว้างสีลดลงเหลือ 16bit