กรอไปอ่าน
“Keychron” อ่านว่า “คีย์ครอน” ถ้าอ่านเป็นเคียวโชนแปลว่าอาจจะเริ่มหิวไก่ทอดแล้ว สำหรับใครที่ติดตาม Mehanical Keyboard อยู่แล้ว น่าจะมีเอ๊ะอ๋อกับชื่อ Keychron แน่นอน เพราะแบรนด์นี้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยเปิดตัวรุ่น K1 ใน Kickstarter แล้ว แถมยังได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลายอีกด้วย สำหรับรุ่นล่าสุดที่เรานำมารีวิวให้ดูกันในวันนี้ ก็ฮิตไม่แพ้กัน นั่นก็คือ Keychron K2
ว่าแล้วมาเริ่มการ รีวิว Keychron K2 ตัวนี้กันเลย ต้องเกริ่นก่อนว่า ก่อนหน้านี้ Keychron รุ่นก่อน ๆ จะเป็นคีย์บอร์ดที่ไม่ได้สกรีนตัวอักษรภาษาไทยมาให้ คลีน ๆ เป็นอักขระภาษาอังกฤษมาอย่างเดียวเลย แน่นอนว่าไม่เป็นปัญหาเลยสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสได้ แต่อาจจะตะกุกตะกักเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่สามารถพิมพ์สัมผัสได้ ทีนี้เจ้า Keychron K2 ได้กำจัดปัญหาที่ว่านั้นทิ้งไปแล้ว เพราะว่าแบรนด์ได้ทำการสกรีนตัวอักษรภาษาไทยมาเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่แกะกล่องกันเลยทีเดียว สำหรับ ตัว Keycap เป็นชนิด ABS สลักภาษาไทยมาให้เรียบร้อย ครบทุกปุ่ม เปิดกล่องมาจะได้ Keycab ทั้งหมดเป็นของ Mac Layout ถ้าอยากเปลี่ยนเป็น Windows ก็มี Keycap ของ Windows มาให้ในกล่อง เอามาเปลี่ยนได้ Keychron K2 ที่เรารีวิวตัวนี้จะเป็นตัว Brown Switch เสียงค่อนข้างนุ่มกำลังดี
ดีไซน์ที่บ่งบอกความเป็นแบรนด์ Keychron
ทำไมเราถึงบอกว่าดีไซน์สะท้อนความเป็นแบรนด์ Keychron? ก็เพราะว่า Keychron K2 มีการใช้สี two-tone สีเทาเข้ม-เทาอ่อน และแทรกด้วย Keycap สีส้ม 2 ปุ่มด้วยกัน ตัว Keycap เป็นชนิด ABS สลักภาษาไทยมาให้เรียบร้อย ครบทุกปุ่ม เปิดกล่องมาจะได้ Keycab ทั้งหมดเป็นของ Mac Layout ถ้าอยากเปลี่ยนเป็น Windows ก็มี Keycap ของ Windows มาให้ในกล่อง เอามาเปลี่ยนได้ กรอบนอกใช้วัสดุเป็นอะลูมิเนียมดำผิวด้าน ค่อนข้างแข็งแรงและมีน้ำหนักพอสมควร
สำหรับ วิธีเปลี่ยน Keycap ก็ไม่ยาก จริง ๆ จะใช้มือดึงเอาก็ได้ แต่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องดีกว่า
ตัวคีย์บอร์ดมีขนาด 75% ที่มีปุ่ม Function Row มาให้ครบไม่ต้องกดคีย์ลัด ใช้ปุ่มลัดพื้นฐานของ macOS ได้ด้วย มีปุ่ม Capture Screen มาให้ด้วย รวมทั้งปุ่มอื่น ๆ ที่มีน่าจะมีโอกาสได้ใช้เช่น Del / Home / Page up / Page down / End
ด้านข้างของคีย์บอร์ดประกอบด้วย 3 ส่วน
- พอร์ต USB Type-C สำหรับการเชื่อมต่อแบบใช้สาย
- OS Switch สำหรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ Mac/iOS และ Windows/Android
- Power Switch สำหรับการปิด, เปิดใช้งานโหมดใช้สายต่อ และแบบ Bluetooth ไร้สาย
วิธีการเชื่อมต่อ Keychron K2
คีย์ครอน K2 สามารถเชื่อมต่อได้ 2 แบบ ทั้งแบบใช้สายและแบบไร้สาย สำหรับแบบใช้สายก็อย่างที่เรารู้กันดีคือเสียบต่อสาย แล้วเลื่อน Power Switch ไปที่ Cable เท่านั้น ส่วนการใช้งานแบบไร้สายทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้เลย
- เลื่อน Power Swich ด้านข้างไปที่ BT (Bluetooth)
- กดปุ่ม Fn พร้อมตัวเลข 1, 2 หรือ 3 ค้างไว้เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ตามลำดับ
วิธีการสลับโหมดระหว่าง macOS/iOS และ Windows/Android
Keychron K2 สามารถเชื่อมต่ออุปรกณ์ได้สูงสุด 3 เครื่องด้วยกัน ได้ทั้งแล็ปท็อป แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน โดยแต่ละอุปกรณ์จะมีคีย์บอร์ดแตกต่างกันออกไป เราสามารถเลือกการใช้งานได้โดยปรับเปลี่ยนปุ่มด้านข้างตามนี้
- macOS / iOS – เลื่อน Switch ด้านข้างไปที่ Mac/iOS
- Windows / Android – เลื่อน Switch ด้านข้างไปที่ Win/Android
ตัว Switch ของ Keychron K2 ผลิตโดย Gateron เลือกได้ 3 รุ่นได้แก่
- C1 – Red Switch
- C2 – Blue Switch
- C3 – Brown Switch
ความต่างของแต่ละ Switch
Feature | Brown Switch | Red Switch | Blue Switch |
---|---|---|---|
สี | น้ำตาล | แดง | ฟ้า |
เสียง | นุ่มลึก | เบา | ดัง แถมมี2จังหวะ |
แรงต้าน | 55±15gf | 45±15gf | 60±15gf |
ประเภท | Tactile | Linear | Clicky |
เหมาะสำหรับ | คนทำงาน Office และสาย Gaming เบา ๆ | คนทำงาน Office และสาย Gaming หนัก ๆ | คนที่ชื่นชอบการพิมพ์ดีด พิมพ์แล้วได้ยินเสียงคลิก ๆ (แต่ไม่ได้แปลว่าคนข้างๆจะชอบเหมือนกัน) |
สรุป รีวิว Keychron K2
จบการ รีวิว Keychron K2 จะบอกว่าโดยรวมแล้วการใช้งานของคีย์บอร์ด Keychron K2 ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ไม่ว่าจะทำงานทั่วไป พิมพ์งาน หรือเล่นเกมก็อยู่ในระดับที่โอเค สามารถทำได้อย่างลื่น ๆ แถมยังสลับอุปกรณ์ได้ไวมาก ๆ ง่าย ๆ แค่กด Fn + 1, 2 หรือ 3 ตามที่เซ็ตการเชื่อมต่อไว้ ที่สำคัญเวอร์ชั่นนี้มีการปรับลาดเอียงของตัวคีย์บอร์ดเพื่อให้เข้ามือมากขึ้น ลดอาการปวดเมื่อยเวลาต้องใช้งานนาน ๆ นอกจากนี้เรื่องแบตเตอรี่แทบไม่ต้องกัวลเพราะให้มา 4000mAh แทบจะเป็นเพาเวอร์แบงค์เลยทีเดียว
หาซื้อได้ที่ไหน
ที่สำคัญ ใครที่หาซื้อ Keychron K2 อยู่ แนะนำให้ไปช้อปได้ที่ http://bit.ly/2LHzlKr ลดราคาเหลือ 3,307 บาท [จากปกติ 3,890 บาท] เพียงกรอกโค้ด “HAPPY” วันที่ 26 ม.ค. – 2 ก.พ. 64 เท่านั้น!