รีวิว Xiaomi Mi 9T Pro

หลังจากที่เราได้ รีวิวเปรียบเทียบระหว่าง Mi 9 กับ Mi 9se ไปแล้ว ครั้งนี้เราได้มีโอกาสได้ลองมือถือตระกูล Mi 9 จาก Xiaomi อีกครั้ง นั่นก็คือ Xiaomi Mi 9T Pro มือถือรุ่นล่าสุดเอาใจคอเกม ที่มาพร้อมกับการตีบวกสเปกและราคาที่น่าตกใจ เรียกได้ว่าสุดเกินราคาจริงๆ สำหรับตัวนี้ และสังเกตได้ชัดๆ เลยว่าตัวนี้ไม่ใช่ Mi 9T ธรรมดา แต่มี “Pro” ห้อยท้ายมาด้วย มันต่างจากตัวที่ไม่มี Pro ยังไง เดี๋ยวจะมารีวิวให้ดูกัน

จริงๆ แล้ว Xiaomi Mi 9T Pro มีอีกชื่อที่รู้จักกันในประเทศอินเดียว่า Redmi K20 Pro ส่วนสเปกที่เพิ่มมาจาก Mi 9T ธรรมดาจะมีอะไรบ้าง จะเหมาะกับใคร อย่างไร พร้อมแล้วไปดูกัน


ตีบวกสเปกมาให้สุด

SpecMi 9TMi 9T Pro
ChipsetQualcomm Snapdragon 730 (8 nm)Qualcomm Snapdragon 855 (7 nm)
DisplayAMOLEDSuper AMOLED
Camera48MP Sony IMX58248MP Sony IMX586
GPSSingle frequencyDual frequency
Fast Charge18W fast charge27W fast charge
Heat dissipationTraditional single graphite sheet8-Layer graphite cooling system
Video recording4K at 30fps4K at 60fps

 

ดีไซน์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือแรงจัด

ดูภายนอกอาจจะไม่ได้ต่างจาก Mi 9T เดิมมากสักเท่าไหร่ ตัวบอดี้สีน้ำเงินสว่างมาพร้อมกับชื่อเท่ๆ ว่า “กลาเซียร์บลู (Glacier Blue)” พร้อมปุ่มพาวเวอร์ (Power) ด้านข้างสีแดง ตรงนี้ต้องยอมในความแมตช์คู่สีคอนทราสต์ของเขาเลย จัดเป็นการ Color Matching ที่ดีงามเลยทีเดียว

ดีไซน์ภายนอกยังคงเหมือนแก๊ง Mi 9T ทั้งด้านบน ด้านล่าง ด้านข้างยังคงความเหมือนไว้เช่นเดิม ให้รู้ว่ามาจากตระกูลเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของกล้อง หรือปุ่มต่างๆ บนตัวเครื่อง

 

ที่ชอบที่สุดเลยคือสีเวลามีแสงแดดมากระทบ มันจะแสดงสีเหลือบๆ ที่มันซ่อนไว้ออกมา สวยงามน่าหลงใหล ในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็ดูโชว์พลังดึงดูด รวมถึงดึงดูดลายนิ้วมือไปด้วย เนื่องจากวัสดุเป็นกระจกใส แต่ถ้าใส่เคสแล้วก็ไม่เป็นไรหายห่วง ที่เราอยากแนะนำมากๆ คืออยากให้เลือกใส่เคสใสดีๆ สักอัน เพราะถ้าใส่เคสทึบคงจะบังสีที่เหลือบแสงสวยๆ นี้หมดเกลี้ยง

ถัดมาด้านล่าง ช่องชาร์จไฟที่ถึงจะหน้าตาเหมือนเดิม แต่ที่พิเศษกว่ารุ่นเดิมคือ รองรับชาร์จไวระดับ 27W หรืออีกชื่อคือ Quick Charge 4+ ชาร์จจาก 0-50% ด้วยเวลาไม่ถึง 30 นาที เท่านั้น เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าที่รองรับแค่ 18W

แต่…

ในกล่องแถมมาเป็นเต้าชาร์จ 18W ซึ่งเป็นแค่ Quick Charge 3 เท่านั้น ใครอยากชาร์จไวขึ้น ลองไปหาซื้อเต้าชาร์จ 27W เพิ่มได้นะ แต่จริงๆ 18W ก็รู้สึกว่าเร็วพอตัวแล้ว ตัวนี้ถูกตัดการชาร์จไร้สายออกไปแล้วเรียบร้อย


กล้อง AI 3 ตัวเน้นๆ

  1. เลนส์ซูม ความละเอียด 8 MP, F2.4, 53mm (telephoto), 1/4″, 1.12µm, PDAF, Laser AF, 2x optical zoom
  2. เลนส์ธรรมดา ความละเอียด 48 MP, F1.8, 26mm (wide), 1/2″, 0.8µm, PDAF, Laser AF
  3. เลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 13 MP, f/2.4, 12mm (ultrawide), 1/3″, 1.12µm

ถึงแม้กล้องจะมา 3 ตัวเท่ากับแก๊ง Mi 9T สิ่งที่ดีขึ้นเพิ่มเติมเข้ามาก็คือตัวกล้องหลักที่อัปเกรดมาใช้ชิป 48MP Sony IMX586 (จากเดิม 48MP Sony IMX582) ทำให้ถ่ายวิดีโอได้สุดกว่าเดิมสูงสุดที่ 4K 60fps

ส่วนกล้องหน้า Pop-up เขาบอกว่าสามารถป๊อปอัพขึ้น-ลงได้ถึง 300,000 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาที แถมป้องกันด้วยกระจก Sapphire อีก จริงๆ แล้วค่ายอื่นไม่ค่อยให้กระจก Sapphire มาเท่าไหร่นัก แต่รุ่นนี้ให้มาด้วย สุดจริงๆ

นอกจากจะป้องกันด้วยกระจก Sapphire แล้ว เมื่อเวลาพบว่าเครื่องกำลังหล่นหรือหลุดมือ กล้อง Pop-up จะหดกลับไปเองอัตโนมัติให้ด้วยนะ เรียกได้ว่ารู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางไปเลย อำพรางตัวเก่ง 👏


เอาใจเกมเมอร์สายเอาท์ดอร์

ด้วยหน้าจอขนาดเดิม 6.39 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 pixels แต่ต่างจากเดิมเพราะอัปเกรดไปใช้ Super AMOLED แทนจอ AMOLED ทำให้แสงสีที่แสดงผลดีขึ้น แข็งแรงด้วยกระจก Gorilla Glass 5

เอาไปเล่นเกมนอกสถานที่ได้อย่างชิลล์ๆ เพราะมองเห็นได้ชัดกว่า สู้แสงได้ดีกว่า

ต้องขอบคุณกล้อง Pop-up ที่ทำให้เราได้จอ 6.39 นิ้ว แบบเต็มๆ ไม่มีติ่ง หรือรูกล้องมากวนใจขณะเล่นเกมเล่นเกมได้อย่างเต็มตากว่าที่เคย

มี Game Booster ช่วยเร่งพลังการแสดงผลให้เล่นเกมได้สุดกว่าที่เคย ลดความหน่วงและเพิ่มความแม่นยำในการสัมผัสด้วยระบบ Touch Enhancement 2.0 รวมถึงมีการป้องกันแจ้งเตือนไม่พึงประสงค์ที่จะมาบังหน้าจอทำให้เสียสมาธิขณะเล่นเกม

คุยกันในเกมได้ดีขึ้นเพราะเค้าจะตัดเสียงรบกวนให้ เพิ่มระบบการแยกเสียงเท้ามาให้ได้ยินชัดขึ้นในเกม FPS หลายๆ เกม (แน่นอนว่ารวมถึง PUBG Mobile ด้วย) แต่น่าเสียดายที่ลำโพงที่ให้มาเป็นระบบ Mono เท่านั้น


 

เล่นจนหัวร้อน แต่เครื่องไม่ร้อนไม่กว่าหัวแน่นอน

ถึงแม้จะใช้ Chipset ตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 855 และรีดพลังด้วย Game Booster แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่าเครื่องต้องร้อนแน่ๆ

แต่ไม่เลย…

เพราะมีระบบระบายความร้อน Cooling System 8 Layers ด้วย Graphite 8 ชั้น ไม่ว่าเกมไหนๆ ก็เอาอยู่แม้จะเล่นนอกบ้านหรือกลางแจ้งก็ตาม เรียกได้ว่ารุ่นนี้เกิดมาเพื่อเกมเมอร์จริงๆ

 


แบตเตอรี่เหลือใช้

เอาใจเกมเมอร์ให้สุดด้วยแบตที่เพิ่มจากเดิมเป็น 4000mAh เท่าที่ได้ลองใช้งานแบบหนักๆ ทั้งเล่นเกม ดู Netfilx ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ถึง 1 วันเต็มๆ

แต่สำหรับการใช้งานทั่วๆ ไปที่ไม่ได้จับมือถือบ่อยนัก โทรและเช็คโซเชียลบ้างประปราย แบตเตอรี่สามารถลากยาวได้เกือบ 2 วัน ไม่ต้องชาร์จเพิ่ม ถือว่าอึดมากสำหรับมือถือ

ในเครื่องจะมีระบบติดตามสถานะแบตเตอรี่ จัดการแอปที่ใช้พลังงานเกินจำเป็น และคำนวณระยะเวลาที่สามารถใช้งานได้อีกด้วย


 

Xiaomi Mi 9T Pro
65 100 0 1
Xiaomi Mi 9T Pro น่าจะถูกใจเกมเมอร์สายเอาท์ดอร์เลยทีเดียว เพราะอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อน Cooling System 8 ชั้น ออกไปเล่นกับเพื่อนนอกบ้านได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวร้อนหรือจอสู้แสงไม่ได้ หรือใครเป็น Vlogger ที่เน้นถ่ายรูปและวิดีโอต้องชอบใจ เพราะด้วยกล้องที่เด่นในเรื่องถ่ายตอนกลางคืน และความนิ่งขณะถ่ายวิดีโอ แถมอัปเกรดให้ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ถึง 60fps และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4,000mAh ใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวหมด ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวให้หนักซะเปล่าๆ แต่น่าเสียดายที่ความสามารถในการกันน้ำถูกตัดออกไปในรุ่นนี้ และลำโพงที่เป็น Mono ส่วนงานประกอบนั้นเนี้ยบเกินราคาจริงๆ เปิดตัวด้วยราคาเพียง 13,990 บาทเท่านั้น สำหรับความจุ 64GB และ 14,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 128GB เรียกว่าจัดจ้านในหลายๆ ด้านรวมถึงราคาเช่นกัน
Xiaomi Mi 9T Pro น่าจะถูกใจเกมเมอร์สายเอาท์ดอร์เลยทีเดียว เพราะอัปเกรดชิปเซ็ตเป็น Qualcomm Snapdragon 855 พร้อมระบบระบายความร้อน Cooling System 8 ชั้น ออกไปเล่นกับเพื่อนนอกบ้านได้สบายๆ ไม่ต้องกลัวร้อนหรือจอสู้แสงไม่ได้ หรือใครเป็น Vlogger ที่เน้นถ่ายรูปและวิดีโอต้องชอบใจ เพราะด้วยกล้องที่เด่นในเรื่องถ่ายตอนกลางคืน และความนิ่งขณะถ่ายวิดีโอ แถมอัปเกรดให้ถ่ายวิดีโอ 4K ได้ถึง 60fps และแบตเตอรี่ที่ให้มาถึง 4,000mAh ใช้งานได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวหมด ไม่ต้องพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวให้หนักซะเปล่าๆ แต่น่าเสียดายที่ความสามารถในการกันน้ำถูกตัดออกไปในรุ่นนี้ และลำโพงที่เป็น Mono ส่วนงานประกอบนั้นเนี้ยบเกินราคาจริงๆ เปิดตัวด้วยราคาเพียง 13,990 บาทเท่านั้น สำหรับความจุ 64GB และ 14,900 บาท สำหรับรุ่นความจุ 128GB เรียกว่าจัดจ้านในหลายๆ ด้านรวมถึงราคาเช่นกัน
65/100
Total Score
  • การออกแบบ
    90/100 Amazing
  • การใช้งาน
    80/100 Very good
  • ความคุ้มค่า
    10/100 Awfully
  • คุณภาพ
    80/100 Very good

The Good

  • งานประกอบระดับพรีเมี่ยม
  • จอ Super AMOLED แสดงผลและสู้แสงได้ดี
  • สเปกระดับเรือธง
  • ระบายความร้อนได้ดี
  • แบตอึดมาก

The Bad

  • ไม่กันน้ำแล้ว
  • ลำโพง Mono
Previous Post

ทำไม iPhone 11 ถึงน่าซื้อกว่า iPhone XR ที่เพิ่งลดราคาไป?

Next Post

10 ความใหม่ของ Galaxy Note 10